Menu

Showing posts with label Health. Show all posts
Showing posts with label Health. Show all posts

Monday, April 20, 2009

Wasted

อ่าน entry นี้ของพี่เจี๊ยบแล้วก็กระหยิ่มยิ้มย่อง เพราะเรา proud ตัวเองว่าเป็นคนเมายาก
เพราะความเมาจะเกิดเมื่อสติไม่อยู่กับตัว หากคงสติไว้ได้ก็จะไม่เมาและทำอะไรผิดวิสัย
อาการที่จะเกิดคือความมึน และปฏิกริยาโต้ตอบต่อสิ่งรอบตัวที่จะช้าลง (มากน้อยแล้วแต่กรณี)

ปกติถ้ามีการดื่มของมึนเมา เราจะภูมิใจกับการเป็นคนได้ดูแลผู้คนในกลุ่มนั้นมากๆ
เวลาพาคนไปอ้วก จัดแจงที่นั่งสงบๆ ทุกคนจะสรรเสริญ ยกย่องความเป็นเพื่อนที่ประเสริฐ
แม้ว่าเราจะดื่มเข้าไปด้วยกันก็ตาม เราก็ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่มีบกพร่อง

ทุกคนก็ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ เพราะเวลาเมาแล้วทำตัวเป็นภาระเนี่ย มันแย่มากๆ
ไม่เชื่อดูตัวอย่างนี้ได้เลย

....



Note:
- ภาพข้างบนนี้เป็นการจัดฉากเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันเท่านั้น

Wednesday, March 25, 2009

Repetitive Strain Injury

ขอฝาก entry นี้ให้ทุกๆคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ประจำสม่ำเสมอ

เมื่อวานนี้เราเกิดอาการปวดไหล่ข้างขวาอย่างรุนแรงมาก
อีกทั้งมีอาการชาที่แขนขวาทำให้ขยับแขนได้ไม่สะดวก
จากการวินิจฉัยด้วยตนเองแล้ว นี่คืออาการที่เกิดจากการวางมือไว้ที่เมาส์ไว้เป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง
จะมีปวดตึงมากขึ้นหากเอามือขึ้นมาวางบนเมาส์ หรือกิจกรรมอื่นๆที่ต้องยกมือลักษณะองศาเดียวกันนี้
ยกตัวอย่างเช่น การเขียนหนังสือ การจับพวงมาลัยรถ การกดน้ำชำระโถปัสสาวะชาย การหมุนลูกบิดประตู
กิจกรรมอื่นๆที่น่าจะทำไม่ได้เช่นกันเช่น การเล่นซูโม่ หรือแม้แต่การเต้นรำแบบวอลทซ์หรือแทงโก้

คงเป็นเพราะท่ามาตรฐานของเราเวลานั่งที่คอมคือ มือขวาอยู่บนเมาส์
ส่วนมือซ้ายจะวางนิ้วนาง-กลาง-ชี้ไว้บนปุ่ม A-S-D ตามลำดับ (Damn that Counterstrike!)
และเราก็เป็นคนที่อยู่หน้าคอมเกือบตลอด ที่ทำงาน ที่มหาลัย ที่บ้าน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่มีคอมที่บ้าน
แต่ถึงคนอื่นจะไม่ได้อยู่ในท่าที่ว่าบ่อยและนานเท่าเรา ก็อย่าประมาทละกัน
เพราะคนที่ทำงานหน้าคอมนานๆก็น่าจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการนี้ได้เสมอ
ต้องรู้จักหยุดพัก เดินไปเดินมา บริหารแขน คอ สายตา เป็นระยะๆ

ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องงดเว้นการเต้นแทงโก้ไปซักระยะ


Note:
- เมื่อคืนใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบก็ดีขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่หายขาด คาดว่าอาการนี้คงต้องไปฝังเข็ม
- ชื่ออาการนี้เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Repetitive Strain Injury [อ่านข้อมูลเพิ่มได้ที่นี่]

Friday, March 13, 2009

Smells Like the Lion City


[Image from Waffar.com]

เมื่อคืนนี้เราเข้านอนแบบหิวมากๆ เพราะข้าวมื้อสุดท้ายที่กินไปคือตอนเที่ยงๆ
เช้าตื่นมาก็ยังหิวมากๆอยู่ เลยคิดว่าต้องฝืนกิจวัตรตัวเองด้วยการกินอาหารเช้า
และไหนๆก็ตื่นเช้าแล้วเลยคิดว่ามีเวลาพอแวะกินระหว่างทางไปออฟฟิศ
ด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม เราเลือกที่จะฟุ่มเฟือยด้วยการกินอาหารเช้าของ McDonald's

ชุด Big Breakfast (ราคา 99 บาท) ประกอบไปด้วย:
- แป้งแฮมเบอร์เกอร์ทาเนย 2 ชิ้น
- เนื้อแฮมเบอร์เกอร์ 1 ชิ้น
- ไข่ Scrambled Egg 2 ฟอง
- Hash brown 1 ชิ้น
- กาแฟ 1 ถ้วย (ของประเทศในรูปนั่นเป็นน้ำส้ม -- ประเทศเราเป็นกาแฟ)
- เกลือ / พริกไทย / แยม / ครีมเทียม / น้ำตาล

ประเด็นที่จะบอกไม่ใช่เรื่องคุณค่าทางโภชนาการ (ที่น่ากลัวมาก เดี๋ยวจะบอกด้านล่าง)
พอเรายกอาหารชุดนี้มาที่โต๊ะแล้วเปิดฝาออก
กลิ่นอาหารและกาแฟที่ผสมกันในอากาสทำให้เรานึกถึงสิงคโปร์!
มันเป็นกลิ่นที่คุณจะรู้สึกได้เวลามาถึงสนามบิน Changi
เป็นกลิ่นที่ลอยอยู่ในอากาศของ Orchard Road ตอนสายๆ
เราบอกไม่ได้หรอกว่ามันเป็นกลิ่นเฉพาะของประเทศนี้
เพราะว่าเราก็ไม่ได้ไปประเทศอื่นมานานแล้วเหมือนกัน

กลิ่นอาหารเช้ามื้อนี้มันมีความรู้สึกไม่อยากรีบร้อนเคลือบความเร่งด่วนอยู่
เป็นแค่ชั้นผิวบางๆที่เหมือนทำขึ้นมาหลอกๆให้รู้สึกอุ่นใจในสังคมแบบตะวันตก

เป็นความจอมปลอมที่ทำให้เราเต็มใจที่จะเชื่อ
นั่นก็คงเป็นความเหมือนกันระหว่างอาหารเช้ามื้อนี้กับประเทศที่เราไปมาบ่อยที่สุด



[Image by: night68mare]

Note:
- คุณค่าทางอาหารที่ได้รับจากอาหารมื้อนี้คือ พลังงาน 730 แคลอรี่ (414 แคลอรี่จากไขมัน) ไขมัน 46 กรัม (71% จากปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน) ไขมันอิ่มตัว (70%) คลอเรสเตอรอล 465 มิลลิกรัม (155%) โซเดียม 1460 มิลลิกัม (61%) คาร์โบไฮเดรต 53 กรัม (18%) ไฟเบอร์ 3 กรัม (12%) น้ำตาล 2 กรัม โปรตีน 27 กรัม วิตามินเอ 0% วิตามินซี 0% แคลเซียม 2% ธาตุเหล็ก 167%

Monday, August 18, 2008

Allergenic Defeat


[image by: cortnie dee. @ flickr]

เมื่อวันพฤหัสบดีที่พึ่งผ่านมาเราไปทำงานนอกสถานที่มา
เป็นโกดังของแต่งบ้านได้บ้างไม่ได้บ้างของร้าน ปาปาย่า
ของทั้งหมดในโกดัง 3 ชั้นเป็นของเก่าถึงเก่ามาก
ซึ่งพอมาอยู่รวมๆกันแล้วให้บรรยากาศที่ surreal มากๆ (ไม่รู้จะอธิบายยังไง)
เราเป็นคนแพ้ของเก่า (และของไม่มีประโยชน์) เห็นแล้วเลยอยากซื้ออะไรติดกลับมา
ตั้งแต่โคมไฟห้องผ่าตัด หุ่น Captain America (ขนาดเท่าตัวจริง)
Retro TV เก่าๆ (สวยมากๆ) หัวควายไบซันขนาดใหญ่มาก (อันเดียวกับปก Saturday Seiko)
และอีกต่างๆนาๆที่ไปเห็นแล้วจะตื่นตาตื่นใจ

แต่นอกจากแพ้ของเก่าแล้ว มีอีกอย่างที่เราแพ้ก็คือ ฝุ่น ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในโกดังนี้
เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนั้นมา เรายังคันโพรงจมูกไม่หาย น้ำมูกไหล และจามอยู่เรื่อย

... ทรมานจริงๆ จบดีกว่า


Note:
- สามารถไปดูเวบไซต์ของร้านปาปาย่าได้ที่ http://www.design-athome.com/
- เอารูปมาให้ลองดูเพิ่มด้านล่างนะ





[2 images above by: saharlex @ flickr]

Monday, June 2, 2008

What gets me up ...


[image by: ninereeds-DA @ deviantART]

เริ่มเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เองที่เราตื่นเช้ากว่าปกติ แถมตรงเวลามากด้วย
ตั้งแต่ย้ายที่ทำงานก็คิดว่าจะใช้เวลาเช้าก่อนเข้างานที่มีมากขึ้นมาออกกำลังกาย
แต่ผ่านไปเกือบสองเดือนก็ไม่ได้ทำ เอาเวลาไปนอนเพิ่มแทน
จนกระทั่งได้รับของขวัญแสนดีเป็น track suit (หรือชุดวิ่งนั่นเอง) ทำให้ฮึด

ตอนนี้ตื่น 6 โมงตรงมา 1 สัปดาห์แล้ว
ไม่มีงอแง ไม่มีขี้เกียจ
ตื่นปุ๊บ เข้าห้องน้ำแปรงฟัน
เปลี่ยนใส่ track suit สวมรองเท้าวิ่ง
ถนนท้ายซอยหมู่บ้าน ไป-กลับระยะ 800เมตร (วัดมาแล้ว) คือที่อยู่ของเรายามเช้า
วิ่งไปๆ-มาๆ จนเหนื่อย เหงื่อแตกพลั่ก (ไม่วิ่งนานมากหรอก เชื่อสิ) ก็หยุด
track suit จะทำให้ร้อนมากกว่าปกติ รีดเหงื่อได้เยอะมาก
กลับมานั่งพักในบ้านจนเหงื่อหยุด ก็อาบน้ำ
แม่เห็นลูกรักการออกกำลังกายก็เลยคิดว่ารักสุขภาพไปด้วย
เตรียมสลัดและน้ำแครอทไว้ให้ ... นั่นก็กลายเป็นอาหารเช้าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ฟังดูน่าเบื่อ และไม่น่าจะทำได้นาน
แต่นี่คือของที่เราตื่นเต้นมากๆในช่วงที่ผ่านมา
ตอนเช้าพอรู้สึกตัวเราจะรีบดูเวลา
ถ้าถึง 6 โมงแล้วเราจะรีบลุกจากเตียงทันที
อยากออกไปวิ่ง

วิ่งเสร็จแล้วปลอดโปร่งดี


... ลองทำดูสิ


Note:
- แต่ตอนวิ่งแรกๆก็เขินนะ แต่งตัวเยอะเชียว แถมมีพวกขาประจำที่เค้าวิ่งในหมู่บ้านอยู่แล้วคงคิดว่าเห่อชุดแน่เลย

Thursday, January 3, 2008

Getting Sick Sucks


[image by: José Miguel Serrano @ flickr]

เห็นช่วงนี้อากาศกลับมาเย็นอีกครั้ง จนทำให้เราและใครและใครขี้เกียจอาบน้ำกันไป
นอกจากจะมีประชากรสกปรกๆเพิ่มขึ้นแล้ว ก็ยังมีโอกาสที่เราจะติดเชื้อหวัดได้ง่ายขึ้นด้วย
เมื่อวานได้รับ forward mail อันนึงเรื่องผลการวิจัยจากญี่ปุ่นเรื่องวิธีป้องกันหวัด
เค้าบอกให้บ้วนปากและกลั้วคอด้วยน้ำเปล่าบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังอาหารจะช่วยได้
70% ของกลุ่มตัวอย่างที่ทดลองปฏิบัติแบบนี้ได้ผลดี คือไม่เป็นหวัด
เค้าให้เหตุผลว่าไขมันจากอาหารจะเกาะติดบริเวณผนังคอ ทำให้จับเชื้อโรคเอาไว้มาก
หากเริ่มมีอาการเจ็บคอก็ควรรีบบ้วนปาก เพื่อรีบป้องกันไว้ก่อน

ทีนี้อ่านแล้วเราก็เลยสงสัยว่าจริงแค่ไหน เพราะไม่มีแหล่งข้อมูลของงานวิจัยนี้อยู่
ลองมา search ดูก็เจอข่าวเรื่องนี้เหมือนกัน เพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐยังไม่ยืนยันผล
มีศาสตราจารย์ของ Vanderbilt University (William Schaffner) ได้ทำการทดลองซ้ำอีกครั้ง
ผลปรากฏว่าผู้ที่กลัวคอด้วยน้ำเปล่ามีการติดเชื้อลดน้อยลง 36% (ผู้ที่ไม่กลั้วคอ และกลั้วคอด้วยน้ำยาบ้วนปากมีผลไม่ต่างกัน)

ส่วนตัวเราคิดว่าถ้ามันไม่ได้ลำบากเกินไปนัก บ้วนปากบ้างมันก็น่าจะดี อย่างน้อยก็ลดกลิ่นปากได้ (ชินจังยังทำเลย)
นอกจากนั้นก็ยังไปหาวิธีป้องกันหวัดง่ายๆมาให้ด้วย ใครพอทำอะไรได้ก็ทำๆกันละกันนะ
สุขภาพตัวเองจะได้แข็งแรง และไม่แพร่เชื้อให้คนอื่นด้วย

1. ล้างมือ - เพราะมือเรานี่แหละจะเป็นพาหะส่งเชื้อให้คนอื่น(หรือตัวเอง)อีกที เชื้อโรคทั้งหลายก็อยู่บนมือ ลองคิดดูว่าวันๆเราไปจับแตะอะไรบ้างละกัน ถ้าจะให้ดีก็หาที่ล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มาใช้
2. อย่าใช้มือปิดปากและจมูกเวลาไอจาม - ไม่ใช่ให้ไอจามใส่คนอื่นนะ แต่เอาทิชชู่มาปิดไว้ และทิ้งไปเมื่อใช้เสร็จ จะได้ไม่มีเชื้อติดอยู่ที่มืออย่างที่บอกในข้อแรก แต่ถ้าเกิดไม่มีทิชชู่จริงๆก็หันหน้าหนีคนอื่นแล้วจามออกมาแล้วรีบไปล้างหน้าล้างมือ
3. พยายามอย่าแตะต้องใบหน้า - ทั้งหน้าตัวเองและคนอื่น เพราะเราติดเชื้อได้ทั้งทาง ตา หู จมูก ปาก (ใครที่ชอบเอามาลูบหน้าดึงแก้มเด็กเล็กๆก็สำนึกไว้ด้วย)
4. ดื่มน้ำเยอะๆ - สมัยประถมเค้าสอนไว้ว่าประมาณ 8 แก้วต่อวัน (ให้ฉี่ออกมาแล้วไม่เหลืองละกัน)
5. เข้าซาวน่า - นักวิจัยก็ไม่ค่อยแนใจว่าทำไม แต่คิดว่าอากาศร้อนๆที่สูดเข้าไปจะทำลายเชื้อหวัด
6. หาอากาศบริสุทธิ์ - ในห้องแคบๆก็มีเชื้อโรคเวียนไปเวียนมา หนีไม่พ้น
7. ออกกำลังแบบแอโรบิค - ไม่ใช่แค่เต้นแอโรบิค แต่วิ่งก็ได้เหมือนกัน เอาให้หายใจหอบๆเหนื่อยๆ
8. กินผัก - ผักมีวิตามิน ผลก็ด้วย
9. กินโยเกิร์ต - ในโยเกิร์ตมีแบคทีเรียที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย เพิ่มภูมิต้านทาน 25%
10. ไม่สูบบุหรี่ - ประโยชน์เยอะเหลือเกินข้อนี้
11. ลดปริมาณแอลกอฮอล์ - แอลกอฮอล์ลดระดับภูมิคุ้มกัน และดูดซับน้ำในร่างกาย
12. ผ่อนคลายร่างกาย - ไม่ใช่แค่นอน แต่ต้องทำจิตใจให้ผ่อนคลาย (แนะนำให้นึกภาพในใจที่ทำให้ใจสงบ)


เท่านี้น่าจะไม่ยากเกินไปนะครับ ... Stay healthy!

Note:
- รู้สึกว่าเขียนไม่ค่อยเป็นตัวเองเท่าไหร่ ขออภัยครับ
- เราเลวรึเปล่าที่รู้สึกว่าสื่อทำให้คนซึมเศร้ากันเกินกว่าที่ควรจะเป็นในช่วงนี้?

Thursday, September 6, 2007

Skip This

ไม่มีอะไรจะพูดถึงในวันนี้

กำลังปวดหัว

ถ้านึกออกเดี๋ยวมาใหม่

Thursday, August 23, 2007

The Pain of Inhaling

หายใจไม่เข้าปอด

นี่ไม่ใช่ชื่อตอน ชื่อหนังสือ หรือบทความติสต์ใดๆ
แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้กับตัวเราเอง
เราพึ่งสังเกตร่างกายตัวเองว่า เวลาที่เราหายใจเข้า ลมหายใจมันเข้ามาไม่ลึก
เหมือนว่าอากาศมันเข้ามาแค่ครึ่งปอด ไม่เต็มที่อย่างที่ควรเป็น

สาเหตุอาจจะเกิดจากการที่เราแขม่วท้องตลอดเวลาจนเป็นนิสัยมากว่า 8 ปี (กลัวมีพุง)
หรืออาจจะเกิดจากตอนที่เราโดนวัตถุกระแทกหน้าอกอย่างแรงจนทำหายใจไม่สะดวกไป 2-3 วันเมื่อราวๆ 10 ปีก่อน
อาจจะเป็นทั้งสองอย่างรวมๆกัน หรืออาจจะเป็นสาเหตุอื่นเลยก็ได้
ยังไงก็ตาม เราคิดว่ามันคงไม่ดีกับร่างกายแน่ๆ
มันทำให้เราเป็นคนมีช่วงลมหายใจสั้น ซึ่งคงมีส่วนทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลียมากขึ้น

พอเราลองหายใจเข้าเต็มๆตอนนี้ปรากฏว่าเรารู้สึกเจ็บๆหน้าอกเหมือนมีอะไรทิ่ม
(แต่เคยเอ็กซ์เรย์ก่อนเข้าทำงาน หมอก็ไม่ได้พูดอะไรนะ)

เอาเป็นว่ารอดูไป ถ้าไม่หายอาจจะต้องไปเช็คดูอีกที