Menu

Showing posts with label Dharma. Show all posts
Showing posts with label Dharma. Show all posts

Friday, January 25, 2008

Self-Mastery: The Ultimate Victory



เพราะไม่สามารถเขียนเรื่องเกี่ยวกับใจตามที่คิดออกมาด้วยคำพูดของตัวเองได้
และถึงเขียนออกมาก็ไม่น่าจะเขียนได้ดีเท่ากับคน blog นี้
เลยต้องหยิบยืมถ้อยคำของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก จากหนังสือที่มีคนให้มา

"ชนะใคร ไม่เท่าชนะใจตน"

ในอินเดีย ลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้านเพราะชอบขโมยผลไม้ในสวน
ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง โดยใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ
พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้ ในกล่องมีถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยือล่อ
วันดีคืนดีลิงมาที่สวนเห็นถั่วอยู่ในกล่อง ก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว
แต่พอถอนมือออกก็ติดฝากล้อง เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้
ลิงพยายามดึงมือเท่าไรก็ไม่ออก พอชาวบ้านมาจับ ก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้
เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียว สุดท้ายถูกคนจับได้ลิงหาเฉลียวใจไม่ว่า
เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้น มันก็เอาตัวรอดได้ แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น
ไม่ยอมปล่อยจึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก


มีหลายอย่างที่เราอยากได้ใฝ่ฝัน
จนถึงกับยึดถือไว้อย่างเหนียวแน่นเวลาประสบปัญหา
เพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย
แต่เป็นเพราะว่าเราไม่ยอมปล่อย จึงเกิดผลเสียตามมามากมาย ไม่คุ้มกับสิ่งที่ยึดติด
จะชอบหรือพึงพอใจกับอะไรก็ตาม อย่าถึงกับยึดติดจนเหนียวแน่นเกินไป
เพราะโอกาสที่จะหน้ามืดตามัวนั้นมีสูงจนหาทางออกไม่เจอ ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น
ถ้าเรารู้จักปล่อยวางบางสิ่งเสียบ้าง มันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ
บ่อยครั้งการปล่อยวางไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น
หากเป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว

โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก


ถ้าวันไหนคิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไรอีก จะเอามาลงให้อ่านเพิ่มอีกละกัน


Note:
- ยุ่งจริงๆครับช่วงนี้ ขนาดที่เวลาจะเข้ามา post ของที่เขียนเก็บไว้นานแล้วอย่าง entry นี้มาลงยังไม่มีเลย

Sunday, September 16, 2007

Discipline Rules

อ่านหนังสือเกี่ยวกับบุญที่ร้านข้าวมันไก่ใต้ตึกออฟฟิศ
เขาบอกว่าเมื่ออยู่ใกล้บุญเราจะออกห่างจากอบายมุข
เพราะเมื่อเราทำสิ่งดีหรือบุญนั้นแล้ว เราจะรู้สึกอิ่มเอมใจ
ความต้องการจะเข้าหาอบายมุขจะหมดหายไป

เราอ่านแล้วเราเกิดความคิดอีกอย่างขึ้นมาพร้อมกัน
เริ่มจากคำถามว่า "ทำไมคนทำบาปมากกว่าทำบุญ"
ถึงจะไม่ใช่คนเคร่งศาสนา แต่เราเชื่อในหลักการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า
เราเชื่อในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น
เราต่อต้านการกระทำที่เบียดเบียนผู้อื่นเพื่อตนเอง
ซึ่งการคิดอย่างนั้น มันก็สอดคล้องกับเรื่องบุญ-บาปอยู่เหมือนกัน

สำหรับเรา ทำไมคนถึงทำบาปมากกว่าทำบุญน่ะหรอ
เพราะว่าบาป หรือการกระทำเพื่อประโยชน์ของตนเองนั้น มันทำง่ายมาก
จริงๆแล้วมันเริ่มจากการที่เราปล่อยให้อารมณ์นำการกระทำ แต่ไม่ใช้สติ
เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันยั่วยวน ใจเราก็พร้อมที่สั่งการเราลงมือทันที

ส่วนบุญนั้นมันต้องใช้สติทำ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำโดยอารมณ์ชั่ววูบ
การทำบุญหรือทำประโยชน์ให้คนอื่นนั้น มันต้องผ่านการไตร่ตรอง
มันผ่านกระบวนการคิดแล้วว่า เรื่องที่เราจะทำลงไปนั้น มันจะเกิดผลดีต่อสังคม
และบ่อยครั้งที่การจะทำเรื่องดีนั้น มันขัดกับความต้องการของอารมณ์

คำว่าอารมณ์ในทางพุทธนั้น คงเปรียบได้กับคำว่ากิเลศ : รัก - โลภ - โกรธ - หลง
สิ่งเหล่านี้พร้อมจะชักนำให้เราเขวไปทำเรื่องขาดสติได้ง่ายๆ
ความรู้สึก 4 อย่างนี้ เกิดจากคำว่า "อยาก" โดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง โดยไม่ใช้สติ

แล้วทำไมเวลาทำบุญหรือเรื่องมีคุณค่าใดๆแล้วถึงอิ่มเอมใจ
นั่นเป็นเพราะว่าเราได้รู้จักใช้สติระงับความอยาก
ความอิ่มเอมใจนั้นมันเป็นความรู้สึกของชัยชนะที่ยากลำบาก
คือการที่ตัวเราชนะความอยากสำเร็จ

ถ้าอย่างนั้นทำยังไงเราถึงจะมีสติได้ตลอดเวลา
แน่นอนว่ามันต้องใช้การฝึกในตนเอง และเราต้องมี "วินัย"
ไม่ใช่ระเบียบวินัยอย่างทหาร แต่เป็นวินัยในการใช้ชีวิต
หากเรามีชีวิตที่มีเป้าหมาย และมีแนวทางที่เราต้องการ
วินัยคือสิ่งที่จะคอยระวังไม่ให้เราเถลไถลออกไปนอกทางนั้น

อย่างที่บอกไปว่าการที่เราจะตามใจอารมณ์นั้นมันง่ายมาก
ดังนั้นเราต้องพยายามอย่างสูงที่จะฝืนความต้องการของตนเอง
ลองนึกตัวอย่างของคนที่จะเลิกเหล้า หรือง่ายกว่านั้นคืองดเหล้าช่วงเข้าพรรษา
การดื่มเหล้าเห็นได้ชัดว่าเป็นการสนองความต้องการของอารมณ์
ตัวเราก็รู้ดีอยู่แล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ต่อตนเองหรือใคร (ยกเว้นคนขายเหล้า)
หากเป็นคนที่เคยดื่มจะรู้ว่า การงดเหล้าในบรรยากาศหรือสถานที่ที่เคยดื่มมาตลอด มันยากแค่ไหน
แต่หากเราทำได้สำเร็จ ความรู้สึกที่ทรมานผ่านพ้นไปกลับกลายเป็นความโล่งใจ

หรือง่ายขึ้นอีกนิด เวลามีใครทำเรื่องที่ชวนให้โมโห
มันง่ายแค่ไหนที่เราจะโกรธ หากสติไม่อยู่กับเรา เราก็คงต้องมีเรื่องเบาะแว้ง
แต่หากสติอยู่กับเรา เราจะรู้ทันทีว่า การให้อภัยต่างหาก เป็นทางออกที่ดีที่สุด

ง่ายขึ้นไปอีก เวลาที่เราอยากได้อะไรมากๆอย่างไม่มีเหตุผล
ง่ายที่สุดที่เราจะทำได้คือซื้อหรือหาทางครอบครองมันทันที
แต่เวลาที่เราอดใจเอาไว้ได้ และกลับมาไตร่ตรองดูความต้องการ
เราจะเห็นว่าแท้จริงนั้น สิ่งที่เราต้องการนั้นจำเป็นแค่ไหน

เราอาจจะมีสติในบางเรื่อง และขาดสติในอีกหลายเรื่อง
สิ่งที่จะประคองไม่ให้สติเราหายไปไหนนั่นก็คือวินัยนั่นเอง