Menu

Showing posts with label Respect. Show all posts
Showing posts with label Respect. Show all posts

Saturday, June 13, 2009

Home of Our Father

ขอออกตัวอย่างแรงก่อนเลยว่า Entry นี้มิได้มีเจตนาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือเจตนาในทางไม่ดีใดๆทั้งสิ้น
คือว่าวันนี้ไปร้านศึกษาภัณฑ์ที่ชั้น 3 ห้าง Future Park รังสิตมา (ต้องบอกให้ละเอียดเพราะเดี๋ยวจะได้ไม่เข้าใจว่าเป็นเรื่องแต่ง)
สายตาเหลือบไปสะดุดเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งกลับบ้านมาหาข้อมูลเพิ่มเพื่อมาเขียนถึงทันที ได้ความดังนี้


บ้านพ่อ

วังสวนจิตรลดา

......ไม่มีพระราชวังไหนในโลก เหมือนพระตำหนักจิตรลดา

และ บริเวณ..สวนจิตรลดา ที่เต็มไปด้วยบ่อเลี้ยงปลา และไร่นาทดลอง

อีกทั้งผองโคนม ผสมด้วยโรงสี และ โรงงานหลายหลาก ..

จึงพูดได้อย่างเต็มปากว่า...ในประเทศไทย ไม่มีช่องว่าง

ระหว่าเกษตรกรกับพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงทำงานอย่าง...

หลังสู่ฟ้าหน้าสู่ดิน...ด้วยพระองค์เอง......


หนังสือ "บ้านพ่อ" เป็นหนังสือ 3 มิติที่จัดทำขึ้นเนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 5 ธันวาคม ปีพุทธศักราช 2542 โดยโครงการ ส่วนพระองค์สวนจิตรดา ร่วมกับ บริษัท ศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) ; ออกแบบ, เรียบเรียงเนื้อเรื่องโดย นพรัตน์ ศิลาเณร ; ภาพประกอบโดย ธงชัย วาษ์วานิชขจร, ธรรมรัตน์ ธรรมรงค์รัตน์, พีรธร สุขหนองบึง

Link แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
OK Nation
สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ
สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


ขอย้ำว่าจำเป็นต้องบอกให้ละเอียดเพราะไม่งั้นคนจะคิดว่าเราแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาเอง



สงสัยว่าเรื่องอะไรนะหรอ?? ก็สาเหตุที่เราสะดุดกับหนังสือเล่มนี้มันเป็นเพราะปกของหนังสือดังต่อไปนี้









... คือเราคิดมากไปหรือคนทำหนังสือเค้าคิดน้อยไปน่ะ ...

Wednesday, January 2, 2008

Keys of Virtue


[image by: keysofvirtue @ flickr]

Keys of Virtue
1. Faith
2. Humility
3. Respect
4. Patience
5. Compassion
6. Courage
7. Perseverance

-----------------------------------------------

จะเขียนเรื่องที่คุยกับเพื่อนเมื่อไม่นานมานี้ คือมีคำถามขึ้นมาว่า "เราสวดมนต์กันทำไม?"
ซึ่งคำถามนี้ ทั้งคุณ phir และคุณ plop เคยพูดเอาไว้บ้างแล้วที่นี่ และที่นี่
จริงๆแล้วเราเห็นด้วยกับสิ่งที่พูดๆเอาไว้ แต่ทีนี้รู้สึกว่าวันนั้นที่คุยไม่ได้ตอบไปชัดๆ
เลยอยากจะแก้ตัว ขอตอบความคิดของเราไว้หน่อย ก่อนที่จะเข้าเรื่องในรูปข้างบน

คนถาม: เราสวดมนต์กันทำไม? / เราตอบ: แล้วเรายกมือไหว้พระกันทำไม?
เราไม่ได้ต้องการบอกว่ามันมีค่าเท่ากับการยกมือไหว้ และไม่ใช่ว่าถ้าไม่รู้ก็ไม่ควรจะทำทั้งสองอย่าง
แต่ว่าแม้แต่การกระทำธรรมดาๆอย่างการยกมือไหว้พระหรือผู้ใหญ่พวกเรายังไม่รู้ว่าทำไปทำไม
ทำเพราะพ่อแม่ครูอาจารย์สอนกันมา ทำเพราะเป็นประเพณีวัฒนธรรม หรือทำเพื่อแสดงความเคารพ

เราคิด (ย้ำว่าเราคิด ไม่ใช่ข้อเท็จจริง) ว่าจริงๆวัตถุประสงค์ของการสวดมนต์มันเปลี่ยนไปแล้ว
จากแต่ก่อนอย่างที่คุณ phir บอกว่าบทสวดมันมีความหมายที่สอนและเตือนสติผู้สวด
แต่เมื่อเราไม่ได้รู้และไม่ใส่ใจที่จะรู้ถึงความหมายของมัน มันก็เป็นแค่คำที่เอามาเรียงต่อๆกัน
ขนาดบางทีสวดเป็นคำไทยเรายังไม่ใส่ใจจะจับความหมายของมันกันเลย งั้นเราจะทำไปทำไม
สวดมนต์แล้วเป็นศิริมงคล? อันนี้ไม่รู้ เพราะไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาพิสูจน์
สวดเพื่อบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือเทวดาองค์ใดๆ? อันนี้ยิ่งพิสูจน์ไม่ได้ใกญ่
- - - - แต่ว่าใกล้เคียงความจริงกว่าเรื่องศิริมงคล
เพียงแต่เปลี่ยนจากคำว่า"บูชา" เป็น"แสดงความเคารพ"
และจำเป็นต้องมาจากความรู้สึกเคารพในใจจริงๆ
ไม่ใช่โดนบังคับให้เคารพในสิ่งนี้สิ่งนั้น
เรามองว่าการสวดมนต์และการไหว้คือรูปแบบวิธีแสดงออกถึงความเคารพ
เคารพในสิ่งที่เขาเหล่านั้นกระทำและเป็น (หรือ เคยกระทำและเคยเป็น)
เคารพถึงคุณค่าของการมีอยู่ของสิ่งเหล่านี้ในสังคม
และต้องทำออกมาในลักษณะที่คนอื่นในสังคมเข้าใจว่านี่คือการแสดงความเคารพ
เพราะว่าสิ่งเหล่านี้คือ value ในใจที่เราอยากให้คนอื่นที่พบเห็นรับรู้


นี่ก็เป็นแค่ 1 ใน 7 ส่วนประกอบสู่การเป็นมนุษย์ที่จิตใจสมบูรณ์