Menu

Showing posts with label Quotes. Show all posts
Showing posts with label Quotes. Show all posts

Thursday, April 23, 2009

Porcelain

นานๆเข้า Facebook ของตัวเองซักที เหลือบไปเห็น note อันนึงของคุณ Phir ที่เขียนไว้ซักพักแล้ว
เป็นเกมที่สนุกดูเลยลองทำดู และคิดว่าคนคงเข้ามา blog มากกว่า Facebook อยู่แล้วเลยลอกมาแปะซะ

เล่นด้วยกันนะ ทุกท่าน :)

---------------------------------------------------------------------

Rules :
1. Put your music player on shuffle (entire music library)
2. For each question, press the next button to get your answer.
3. YOU MUST WRITE THAT SONG NAME DOWN NO MATTER HOW SILLY IT SOUNDS!
4. Tag as many friends as you want who might enjoy doing the game as well as the person you got the game from.

Thai Sub: กติกานะจ๊ะ
1. เอาเพลงทั้งหมดที่มีใส่ library
2.ในการตอบคำถามแต่ละข้อ ให้กด Next ที่เครื่องเล่น/โปรแกรม player
3. ตอบคำถามโดยการเขียนชื่อเพลงที่ปรากฏขึ้นมา โดยไม่ต้องสนว่างี่เง่าแค่ไหน
4. บอกต่อด้วย (มึงจะเขียนภาษาอังกฤษซะยาวทำไม)

cos readings could get really boring so here goes some shuffling fun! :)

(Note: เนื่องจากไม่ได้อยู่ในที่ๆมีครบทุกเพลงใน Library เลยจะขอใช้เฉพาะเพลงใน iPod Nano 1,433 เพลงแทน)


1.IF SOMEONE SAYS "IS THIS OKAY" YOU SAY?
P R E C I O U S (Yuna Ito) - - - เริ่มต้นก็เท่แล้ว

2.WHAT WOULD BEST DESCRIBE YOUR PERSONALITY?
นิยาย (Moderndog) - - - เท่ขึ้นไปอีก

3.WHAT DO YOU LIKE IN A GUY/GIRL?
ลองคิดดู (Scrubb) - - - ยังคิดอยู่

4.HOW DO YOU FEEL TODAY?
Seria Feliz (Julieta Venega) - - - (translation: be happy)

5.WHAT IS YOUR LIFE'S PURPOSE?
ภารตะ Hero (Saturday Seiko) - - - เพ้อเจ้อมากครับ

6.WHAT IS YOUR MOTTO?
นิยามรัก (บัว+แคล Bossa Blossom)

7.WHAT DO YOUR FRIENDS THINK OF YOU?
いい日だったね。[li-Hi-Dattane] (Depapepe) - - - (translation: It was a good day)

8.WHAT DO YOU THINK ABOUT VERY OFTEN?
ตุ๊กตาหน้ารถ (Lula) - - - : )

9.WHAT IS 2 + 2?
Alzheimer (Supersub) - - - ชอบ ดูโง่ดี

10.WHAT DO YOU THINK OF YOUR BEST FRIEND?
Sem Parar (T-Square) - - - (translation: without stopping)

11.WHAT DO YOU THINK OF THE PERSON YOU LIKE?
เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป (Clash) - - - หล่อมาก!!!! ให้ตายเถอะ

12.WHAT IS YOUR LIFE STORY?
AEIOU (Charlotte Sometimes) - - - ชีวิตเปรียบเสมือนสระภาษาอังกฤษ

13.WHAT DO YOU WANT TO BE WHEN YOU GROW UP?
What if ... (The Lighning Seeds) - - - ไม่มีคำตอบใดๆ

14.WHAT DO YOU THINK WHEN YOU SEE THE PERSON YOU LIKE?
เมื่อไหร่จะได้พบ (When?) (Friday) - - - ถึงเจอแล้วก็ยังจะถามอยู่ดี

15.WHAT DO YOUR PARENTS THINK OF YOU?
มองตาไม่รู้ใจ (ฝน นภัส จิวะกิดาการ) - - - น่าจะจริง

16.WHAT WILL YOU DANCE TO AT YOUR WEDDING?
ดาวตก (T-Bone) - - - จะทำจริงๆนะเนี่ย

17.WHAT WILL THEY PLAY AT YOUR FUNERAL?
Sense of Adventure (Matthew Sweet) - - - นี่ก็น่าทำ

18.WHAT IS YOUR HOBBY/INTEREST?
I'm Fed Up! (Alizee) - - - ถ้าจะแถว่า "อิ่มเหี้ยๆ" ก็จะใกล้เคียงความจริงมากขึ้น

19.WHAT IS YOUR BIGGEST SECRET?
Smog Moon (Matthew Sweet)

20.WHAT DO YOU THINK OF YOUR FRIENDS?
Goodbye My Lover [Live] (James Blunt)

21.WHAT'S THE WORST THING THAT COULD HAPPEN?
นานๆนะๆ (Lula) - - - ตีความกันเอาเอง

22.HOW WILL YOU DIE?
Fences (Paramore) - - - นึกแล้วน่ากลัวนะครับ

23.WHAT IS THE ONE THING YOU REGRET?
Endless Song of Happiness (Yael Naim) - - - why?

24.WHAT MAKES YOU LAUGH?
เพื่อนแท้ (เอิ้น พิยะดา & The Gang) - - - หล่ออีกแล้ว

25.WHAT MAKES YOU CRY?
Be My Baby (The Lighning Seeds)

26.WILL YOU EVER GET MARRIED?
Smells Like Teen Spirit (Nirvana) - - - 555 ไม่สื่อความ แต่ตลกตอนเพลงนี้ขึ้นมา

27.DOES ANYONE LIKE YOU?
ดวงดาวในบ่อน้ำ Reflection of the Stars (Armchair)

28.IF YOU COULD GO BACK IN TIME, WHAT WOULD YOU CHANGE?
We are the Pipettes (The Pipettes) - - - ชอบ the Pipettes ครับ ไม่เปลี่ยน

29.WHAT HURTS RIGHT NOW?
Circle Life (จุ๋ย จุ๋ยส์)

30.WHAT WILL YOU POST THIS AS?
Porcelain (Moby) - - - เอาคำตอบข้อนี้ไป post เป็นชื่อ entry นะ

---------------------------------------------------------------------

เพลงไทย เพลงใหม่ และเพลงสนามหลวงเต็มไปหมด
ความจริงผมฟังเพลงหลากหลายกว่านี้นะครับ -___-

Friday, September 19, 2008

The Muddy Road


[Image by: depunkt @ flickr]

ตันซันกับเอคิโดะ ออกเดินทางไปตามถนนที่เต็มไปด้วยหล่มโคลนด้วยกัน ขณะที่ฝนกำลังตกหนักอยู่ไม่ขาดสาย

เมื่อเลี่ยวโค้ง ทั้งสองก็ได้พบกับสาวสวยนางหนึ่ง นุ่งห่มด้วยชุดกิโมโนแพรไหม เธอไม่สามารถข้ามถนนตรงนั้นได้

“มาเถอะ คุณผู้หญิง” ตันซันเอ่ยออกไปในทันใด ก่อนจะช้อนร่างหล่อนขึ้น พาข้ามหล่มโคลนไป

...

เอคิโดะไม่ได้เอ่ยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเลย จนกระทั่งถึงตอนกลางคืนเมื่อไปถึงวัดที่หมายแล้ว เขาไม่อาจห้ามใจไว้ได้อีกต่อไปเมื่อกล่าวว่า

“อันที่จริงเราเป็นพระ ไม่สมควรถูกเนื้อต้องตัวสตรี” เขากล่าวกับตันซัน “โดยเฉพาะจะต้องไม่ใช่ผู้หญิงที่ยังสาวและสวยขนาดนั้น มันอันตรายมาก ทำไมท่านถึงยังทำอย่างนั้นล่ะ?”

“ผมวางผู้หญิงคนนั้นลงแล้ว” ตันซันกล่าว “แต่นี่ท่านยังแบกหล่อนไว้อีกหรือ?”


แปลโดย: นาริตะ

Thursday, September 11, 2008

Last Rain Lasts


[image by: lerk7]

เวลาที่เข้าช่วงเดือนนี้ทีไร เราจะรู้สึกถึงความเป็นโค้งสุดท้ายของปี
สิ่งที่ทำให้รู้ตัวว่าใช้เวลาในปีๆนึงไปเกือบหมดแล้วก็คือ ฝน
หลังจากช่วงฝนแรกของปีที่มาเตือนว่าครึ่งแรกของปีผ่านพ้นไปแล้ว
เราก็จะมารู้ตัวอีกทีกับฝนสุดท้าย ที่มักจะมานานและหนักกว่าช่วงแรก

เห็นฝนช่วงเดือน 9 ทีไร เราจะนึกถึงรายการวิทยุรายการหนึ่งที่เราฟังตอนยังเด็ก
แม่เราจะฟังรายการนี้ตอนเช้ามืด เวลาไปส่งเราเข้าโรงเรียน
เป็นรายการข่าวที่จัดโดยนักจัดที่อายุมาก (มากๆ) แล้ว
เขาบอกว่าในชีวิตของเขา ทุกๆปี เดือน 9 จะเป็นเดือนที่กรุงเทพฝนตกเยอะที่สุด
น่าแปลกที่มันเป็นแบบนั้นจริงทุกปี

น่าแปลกยิ่งกว่าที่เรายังจำคำพูดนี้ได้ ทั้งที่ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว


Note:
- ขอจบแบบดื้อๆเลยนะ
- ใครจำชื่อนักจัดรายการคนนี้ได้บ้าง จำได้ว่าเสียงอาวุโสมากๆ พูดช้ามากๆ (จนเกือบจะน่ารำคาญ) และมีความรู้เยอะแต่เล่าให้เราฟังได้ในแบบบ้านๆมากๆ - - - เข้าใจว่าเสียชีวิตไปแล้วนะ แม่เราบอกมา
- นานๆทีจะมีโอกาสใช้รูปของตัวเองประกอบครับ

Thursday, August 28, 2008

Soul Food


[image by E v a @ flickr]

เคยได้อ่านคำที่คุณ ประภาส ชลศรานนท์ ได้กล่าวเอาไว้
เราอาจจะจำคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่ใจความไม่เพี้ยนแน่

หากว่าทำงานได้เงินสองบาท
ให้เอาบาทนึงไปซื้อข้าว
ส่วนอีกบาทไปซื้อดอกไม้

หมายความว่า บาทนึงเอาไว้ใช้ประทังชีวิต
ส่วนอีกบาท ใช้กับเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่

ฟังดูไม่เรียกร้องอะไรมากมาย ง่ายๆแต่ฟังดูดีมากๆ
แต่ว่าคนที่ทำของกลางๆแบบนี้ได้กลับมีไม่เยอะเลย
มีแต่ีหย่อนไปคือใช้กับเหตุผลของการมีชีวิตจนไม่เผื่อให้เรื่องจำเป็น
หรือไม่ก็ตึงไป ใช้กับเรื่องจำเป็นจนไม่เหลือสิ่งสวยงามต่อชีวิต

หากมีวันที่สามารถรักษาตัวไปพร้อมกับได้มาซึ่งของที่ต้องการ ชีวิตก็คงสบายมากๆ

Wednesday, February 6, 2008

The Soup Question


[image by: mister bend @ flickr]

เราชอบหนังเรื่อง Finding Forrester และพึ่งดูจบไปอีกรอบเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
มีหนังอยู่ไม่กี่เรื่องที่เราดูซ้ำเรื่อยๆแล้วยังให้ความรู้สึกดีเหมือนตอนที่ดูครั้งแรก

Finding Forrester พูดถึงหลายอย่างเกี๋ยวกับการหาที่ที่เหมาะสมของตัวเองในสังคม
และมีประโยคหนึ่งที่เราชอบมากๆ ในขณะที่คนจำพวกหนึ่งไม่มีวันเข้าใจมัน
"The object of a question is to obtain information that matters only to us."
ในหนังจะมีคำถามที่ถูกเรียกว่า Soup Question คือคำถามที่มีคุณสมบัติตามที่บอกไว้ข้างบนนี้
เราก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน อาจจะเพราะว่าเราไม่ชอบการคุยสัพเพเหระเพียงเพื่อให้มีการพูดคุย
เวลาได้ยินคำถามแบบนั้นมันทำให้รู้สึกรำคาญ รังเกียจ และเบื่อหน่ายมากๆ
ที่แย่คือ ในบ้านเรามีคนแบบนี้อยู่ไม่น้อย ทำให้คำถามที่ไม่ใช่ Soup Question อยู่ในชีวิตเยอะมาก
ยกตัวอย่างคำถามที่เราจะได้ยิน - - "ยังจำภาษาเยอรมันได้บ้างมั้ย?"
คำถามแบบนี้จะถูกถามขึ้นมาลอยๆ และพอมีคำตอบไม่ว่าแบบไหนก็จะผ่านไปแบบลอยๆ
ประโยชน์ของคำตอบที่ได้มันคืออะไร รู้แล้วเอาไปทำอะไรต่อได้
ที่แย่ไปกว่านั้นคือเวลาที่ถูกถามจากคนที่ไม่ได้อยู่ในวงจรชีวิตปกติของเรา
พวกคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน และอาจจะไม่เจอกันไปอีกนาน

คนพวกนี้ที่ถาม เค้าก็ถามแค่เพราะอยากจะหาทาง connect กับเราแต่ไม่ได้ใส่ใจในคำตอบของคำถาม
เค้าไม่ได้สนใจอยากรู้หรอกว่าคุณกินอะไรมาตอนเที่ยง แต่อยากให้คุณเห็นตัวตนของเค้ามากกว่า

แต่มันก็มีคำถามที่ถามเรื่องของคนอื่น เพราะว่าสนใจที่จะรู้เรื่องราวของคนนั้นจริงๆอยู่เช่นกัน
การถามคนรักของคุณว่าเหนื่อยมั้ย คุณถามออกไปเพราะคุณมีความห่วงใย
การถามความคิดของคนที่คุณชื่นชอบมันก็มีความหมายต่อตัวคุณ เพราะความคิดของเค้ามี value ต่อคุณ

สำหรับเราแล้ว เราอยากให้ในสังคมมี Soup Question เยอะๆ และคำถามแบบแค่ขอให้ได้พูดลดหายไป

... อย่างน้อยเริ่มจากในบ้านก็ยังดี

Saturday, December 22, 2007

Job Interview


[image by: asensi @ deviantART]

เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนเราคนหนึ่ง(สมมุติว่าชื่อ"1"เลยละกัน ง่ายดี)ได้ไปสัมภาษณ์งานมา
ตอนแรกๆ 1 ก็เฉยๆกับองค์กรนี้ ทั้งลักษณะหน้าตาสำนักงาน และหน้าตาของผู้คน
ช่วงแรกเค้าก็บอกให้ 1 แนะนำตัวเองและลองบอกว่าเคยทำอะไรมาบ้าง
หลังจากนั้นเค้าก็ถามคำถามเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่เข้ามาสัมภาษณ์นี้
ซึ่งทั้งหมดนี้ 1 คิดว่าเป็นเรื่องปกติและคิดว่าก็ตอบเท่าที่ตัวเองจะสามารถตอบได้
จนกระทั่งผู้สัมภาษณ์เปลี่ยนแนวคำถามโดยสิ้นเชิง หันมาถามเรื่องความคิดและทัศนคติแทน
1 ลองยกตัวอย่างคำถามให้เราฟัง เราฟังแล้วยังทึ่งเลย

- คุณมีคติในการใช้ชีวิตแบบไหน?
- ในทะเบียนบอกว่าคุณเป็นพุทธ คุณเป็นพุทธแค่ไหน?
- คุณเคยนั่งสมาธินานที่สุดเท่าไหร่?
- คุณคิดว่าคุณได้อะไร หรือรู้อะไรจากการนั่งสมาธิ?
- คุณเคยโกรธอะไรมากที่สุดในชีวิต?
- เวลาที่คุณโกรธมากๆคุณทำยังไง?
- ... ... ...

เราไม่รู้ว่าคนอื่นรู้สึกยังไงกับคำถามพวกนี้ แต่มันโดนใจเรามาก
เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องที่เราคิดอยู่ตลอด และเราพยายามทำความเข้าใจ
มันน่าตื่นตะลึงมากที่การสัมภาษณ์งานมีคำถามแบบนี้อยู่ด้วย
เพราะเราเคยคิดไว้ว่าถ้าเราสัมภาษณ์คน เราจะไม่ถามเรื่องงานเลย
เราอยากจะรู้จักความคิดของคนที่เข้ามามากกว่าความสามารถ
ที่น่าทึ่งเข้าไปใหญ่เลยคือ 1 บอกว่า คนสัมภาษณ์พูดเอาไว้ว่า:
"ที่ผมถามคำถามพวกนี้น่ะคือผมคิดว่า
ถ้าได้คนเก่งถือเป็น surplus (กำไร)
แต่ผมอยากได้คนดีมาร่วมทำงานด้วยมากกว่า"


... อยากไปทำงานให้คนที่คิดแบบนี้เหลือเกิน

Thursday, July 5, 2007

Steadfast

"คนที่มาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงไม่ใช่มืออาชีพ มืออาชีพคือคนที่มาก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมง"

"คนที่เก่งไม่ใช่คนที่ทำของที่ตัวเองชอบแล้วได้ดี แต่คนเก่งคือคนที่อยู่กับของที่ตัวเองไม่ชอบได้นานที่สุด"

"มึงต้องฝึกที่จะโง่ก่อน เพราะถ้ามึงคิดว่าตัวเองฉลาดมึงจะไม่มีวันเรียนรู้อะไรได้"

"มีอะไรที่มึงเกิดมาแล้วทำเป็นเลยมั้ย ไม่มีหรอก ทุกอย่างมึงต้องหัดต้องลองทั้งนั้น แล้วเดี๋ยวก็ได้เอง ...
... ตอนเด็กๆมึงรู้มั้ยว่าเ_ดแม่คืออะไร พอมึงโตขึ้นมึงก็รู้ แล้วเอามาใช้ถูกเวลาได้ใช่มั้ย"

ไม่มีอะไรหรอก แค่ลองนึกถึงคำสอนบางอย่างของพี่อุ้ย ผู้ใหญ่ที่คอยสอนเรามาแต่ก่อน
เราเคยคุยกับพี่อุ้ยจริงๆจังๆไม่กี่ที แต่คำของเค้าติดอยู่กับเรามานานมาก
เป็นคนที่ให้แนวทางหลายๆอย่างเกี่ยวกับการทำงานให้เรา เราก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
แต่อย่างน้อยพี่อุ้ยก็เป็นคนที่สอนให้เรารู้จักหัด ลอง พยายาม เรียนรู้ และอดทน
ทุกครั้งที่เรารู้สึกเบื่อ ขี้เกียจ ไม่พอใจเราจะนึกถึงคำของเค้า และทำให้เราอดทนต่อไป
เพราะถ้าเค้ามองเราอยู่เราจะต้องโดนด่าอัดจนเละแน่ๆ

วันนี้เอามาฝากไว้ให้ดูกัน เพราะกำลังรู้สึกขาดแรงจูงใจเกี่ยวกับงานอยู่
เนื่องจากพึ่งโดนโยก (ไม่ใช่เลื่อนขึ้น) ไปทำอย่างอื่นแทน ซึ่งไม่ถนัดเลย
ไม่รู้เหมือนกันว่าคนตัดสินใจเค้าคิดยังไง
บางทีเราก็รู้สึกไม่อยากทำ บางทีเราก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะ
แล้วเราก็นึกถึงคำพี่อุ้ย ... คนเก่งต้องทำเรื่องที่ไม่ชอบได้ด้วย เอาวะ

"คนที่สมบูรณ์ไม่ใช่คนที่ดีเลิศ แต่เป็นคนที่รู้ถ่องแท้ทั้งด้านดีและเลว" - โดยเราเอง


========================================

Totally Unrelated:
- เมื่อวานไปงานศพพ่อของเพื่อนมาที่วัดพระศรีมหาธาตุ ย่านบางเขน รถติดมากแต่ยังไปทัน ที่น่าสนใจคือมีคนๆหนึ่งเกรงว่าจะมาไม่ทันเลยจอดรถไว้ที่ ม.เกษตรแล้วนั่งมอเตอร์ไซเคิลรับจ้างมา (เราเรียกงี้นะ) ช่างเป็นคนที่เห็นความสำคัญของงานศพและเพื่อนพ้องจริงๆ ใครกันนะสำนึกดีขนาดนี้ ลองทายดู
A. ศุภฤกษ์
B. พีร์
C. สถาธรรม
D. มุขเอก
E. ใครจะบ้าทำงั้น

- คิดโปรเจกต์อันนึงมานานแล้ว ทำการบ้านกับมันมาปีกว่าๆ และเริ่มทำ Business Plan ไปแล้วด้วย ช่วงนี้เริ่มไปคุยๆกรุยทาง ดันไปเจอรุ่นพี่คนนึงกำลังทำของอย่างเดียวกันเป๊ะ! เอาไงดีวะเนี่ย

Note to readers:
- พี่เจี๊ยบ: แก้วิธี comment ให้เป็น pop-up แล้วนะ น่าจะดีขึ้น
- พี่พี: โปรเจกต์สนามหลวง-จตุจักรที่คุยตอนนั้นไม่ได้หายไปนะ แต่ว่าคิดไป-มาหาโมเดลที่ลงตัวไม่ออก เพราะราคามันสูงเหมือนกัน
- หมดแล้ว มีคนอ่านแค่นี้แหละ