Menu

Showing posts with label Plan. Show all posts
Showing posts with label Plan. Show all posts

Thursday, August 14, 2008

The Town in Memory


[image by: anhalter @ flickr]

เราเคยไปในเมืองในรูปนี้เมื่อนานมาแล้ว และลืมไปนานแล้วด้วย
เมื่อตอนนั้นไปยังเป็นเด็กเล็กๆ ที่เอาแต่วิ่งเล่น
น่าเสียดายที่ตอนนั้นมองไม่เห็นของที่มองเห็นวันนี้
แต่ก็ยังดีที่จำชื่อเมืองนี้ได้ จนทำให้เจอรูปข้างบน

เราบอกคนคนนึงเอาไว้ว่าอีก 3 ปีจะพาไปประเทศนี้
พอตอนนี้นึกถึงเมืองนี้ขึ้นมาได้เลยอยากจะพาไปเมืองๆนี้เลย

... แต่ว่า ... ถ้าจะช้าไปซักปีนึงจะเป็นไรมั้ยนะ?
แค่ขอให้ยังอยู่ใกล้ๆ อย่าไปไหนก่อน

และก็ขอให้เมืองยังไม่ต้องเปลี่ยนไปนะ
Gersau, Switzerland

Friday, January 4, 2008

The Lord of the Debt


[image by: Daveybot @ flickr]

"Need to have or Nice to have?" -- แฟนเราพูดประโยคที่มีคนพูดให้ฟังมาอีกที
เป็นประโยคเตือนสติที่ดีก่อนที่จะตัดสินใจจ่ายเงินทำอะไรในยุคที่ผู้คนจำนวนมากมีหนี้ท่วมหัว
มีบริการกู้ยืม-สินเชื่อ-เครดิต หรือชื่ออะไรๆก็ตามออกมาเยอะมาก แต่ใจความของมันก็คือ"หนี้"
มันคือการใช้เงินที่เราไม่ได้มีอยู่ไปก่อน เพื่อความต้องการเพียงชั่วขณะนั้น ก่อนที่จะไปขวนขวายหาทางจ่ายภายหลัง
และเกือบจะแน่นอนว่าถ้าตอนนี้ไม่มีปัญญาจ่าย การจะหาเงินมาจ่ายทีหลังนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

เราเคยได้ดูรายการข่าวเกี่ยวกับกลุ่มผู้ติดหนี้บัตรเครดิตและไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้
ลักษณะเหมือนกันของคนเหล่านี้คือขาดความยับยั้งใจ ขาดการไตร่ตรองก่อนตัดสินใจซื้อของใดๆ
สิ่งที่ตามมาก็คือไม่รู้ตัวว่าเป็นหนี้ และไม่ยอมรับสภาความเป็นลูกหนี้นั้น
รับไม่ได้ที่โดนเจ้าหนี้โทรมาทวงเงิน ทั้งกับตัวเอง คนในครอบครัว หรือที่ทำงาน
ถึงขนาดมีการร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ และจะฟ้องร้องเจ้าหนี้ว่าไม่มีสิทธิ์มาทวงแบบนั้น ... ดีมั้ยล่ะ

จะโทษสังคม สื่อ หรือกระแสทุนนิยมอะไรก็ช่าง ความจริงคือ เมื่อเราไม่มีเงินก็ไม่ควรใช้
เพราะว่าเกือบทุกคนย่อมคิดว่าเดี๋ยวก็หาทางมาจ่ายคืนได้ -- คำว่า "จ่ายคืน" นั้นแหละที่สำคัญมาก
เมื่อไหร่ที่ต้องจ่ายคืน นั่นแปลว่าตอนนี้ไม่มีเงิน และควรยอมรับว่าเมื่อเงินไม่เพียงพอก็ไม่ควรใช้

เคยมีกระทู้คุยกันเรื่องเกม ไปๆมาๆก็มีคนถามว่ามีกี่คนที่ซื้อเกมของจริงกันบ้าง
เดาไม่ยากว่าคนซื้อของปลอมมากกว่าอยู่แล้ว แต่ว่ามีคนที่ซื้อของปลอมที่ออกมาด่าสินค้าของจริงนี่สิ
เขาบอกว่าเงินเดือน 8,000-9,000 จะให้ซื้อเกมราคา 500-600 เดือนละ 2-3 เกมได้ยังไง
ตรงนี้แหละที่เป็นปัญหา คนที่เงินเดือนเท่านั้นกลับไม่รู้ตัวว่าเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่สมควรซื้อเกมมาเล่นด้วยซ้ำ
มันไม่ใช่สินค้าที่ target มาที่ตัวเขาแต่แรก และการเอาเงินเดือนมาอ้างเป็นเหตุผลซื้อของปลอมก็ไม่ใช่ที่
ผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมเหมาะสมไม่มีใครเค้าซื้อเกมเดือนละ 10 เกม หรือเพลงเดือนละ 100 อัลบั้มหรอก
แต่เค้าต้องรู้จักหาข้อมูล-คัด-เลือก ก่อนที่จะตัดสินใจจ่ายเงิน ต้องรู้ตัวว่าของนั้นคุ้มค่าและจำเป็นแค่ไหน

พูดเรื่องหนี้ เรื่องรายได้ แล้วก็อยากพูดเรื่องเงินเก็บหรือการออมสักหน่อย พอดีไปอยู่ในวงสนทนาเรื่องนี้มา
เค้าบอกว่าคนสมัยนี้ (โดยเฉพาะผู้หญิง) ดูเหมือนจะสนใจเรื่องการออมมากขึ้น แต่กลับมีการออมจริงน้อย
ปัจจัยน่าจะมีเรื่องความหลากหลายของหนี้ที่มีให้เลือกเป็นส่วนกระกอบสำคัญ และที่เหลือก็เป็นเรื่องขาดการวางแผน
มีคนบอกให้ลองคิดดูเล่นๆ: ถ้าให้เก็บเงินเดือนละ 20,000 คิดว่าเยอะมั้ย? (เยอะ - เงินเดือนเราทำไม่ได้)
แต่การเก็บเดือนละ 20,000 เนี่ยจะทำให้ปีนึงมีเงินเก็บ 240,000 ถ้าเก็บเท่านี้สิบปีจะได้ 2,400,000
บวกเพิ่มโบนัส และเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นอาจจะทำให้มีเงินใกล้ๆ 3,500,000 ได้ -- ถามว่าเยอะมั้ย: ไม่เลย!
การที่ทำงานไปอีกสิบปีเก็บเงินได้ 3.5 ล้านนี่มันออกจะน้อยด้วยซ้ำ ยังไม่สามารถซื้อบ้านในยุคปัจจุบันได้เลย
แบบนี้เรายังต้องทำงานไปอีกกี่ปีกว่าเราจะมีเงินเก็บพอที่จะเลิกทำงานได้?? คงนานจนไม่อยากนึกเลยล่ะ

ถ้าแบบนี้ก็ควรจะต้องมาคิดกันก่อนว่าอยากทำงานจนถึงอายุเท่าไหร่ และค่าใช้จ่ายในช่วงชีวิตที่เหลือต้องใช้เท่าไหร่
แล้วก็คิดย้อนกลับมาว่าต้องมีเงินเก็บในแต่ละช่วงเป็นเท่าไหร่ และสำคัญที่สุดคือทำยังไงถึงจะมีเงินเก็บให้ได้เท่านั้น
จริงๆการออมรูปแบบต่างๆมันมีข้อดี/เสียต่างกันไป บางอันลดหย่อนภาษีได้ บางอันให้ความคุ้มครองสุขภาพ
แต่ทุกวันนี้คนที่รู้ข้อมูลทั้งหมดและให้คำแนะนำด้านการออมและด้านการบริหารเงินส่วนตัวได้นั้นมีน้อยจริงๆ
คนที่รู้(มากบ้างน้อยบ้าง) ก็ทำงานให้กับสถาบันการเงิน และแนะนำแต่ product การออมที่บริษัทตัวเองมี

ข้อคิดที่ได้จากการเขียน entry วันนี้คือ:
- ถามตัวเองว่าสิ่งที่เราทำกันอยู่ทุกวันนี้มันจะทำให้เรามีชีวิตแบบที่เราต้องการได้จริงหรือไม่
- คิดว่าทำยังไงถึงจะทำให้เงินที่เราพอจะออมได้ในแต่ละเดือนงอกเงยไปเท่าที่เราต้องการจริงๆได้
- น่าจะมีบริการให้คำปรึกษาด้าน personal wealth management แบบเป็นกลาง

จบเท่านี้ครับ

Tuesday, October 23, 2007

Short-Term Plan

ลองคิดเล่นๆดูว่าต้องการจะทำอะไรในช่วงนี้ แต่เอาแบบเป็นไปได้จริงๆนะ
ถ้าหากจะเริ่มทำอะไรใหม่ๆ หรือเลิกทำอะไรเดิมๆ เราอยากจะทำอะไรบ้าง
มาดูกัน

1. เขียน blog เป็นอาชีพ (หมายถึงว่าอยากได้รายได้จากการเขียน blog)
จะทำยังไง? - อาจจะต้องเริ่มจากการหาthemeในการเขียนที่เหมาะสม มีกลุ่มเป้าหมายผู้อ่านที่ชัดเจน อาจจะไม่ได้ทำด้วยตัวคนเดียวแต่สามารถทำแบบรวมกับคนรู้จักเป็นกลุ่มเป็นก้อนเพื่อเขียนของที่เป็นประเด็นเดียวกันหรือมีความเกี่ยวโยงกันหรือเพื่อการโต้แย้งกัน รายได้ที่คาดว่าจะได้รับอาจจะไม่มากไม่มายอะไร อาจจะได้รับการสนับสนุน(endorsement)จากสินค้าประเภทต่างๆบ้าง หรือง่อยๆแบบคิดอะไรไม่ออกก็ขายbannerละกัน
เป็นไปได้มากแค่ไหน? - 7/10 จะเริ่มเขียน blog นั้นเริ่มได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่จะเขียนในเรื่องที่มีคนสนใจอ่านและหาช่องทางโปรโมทได้นั้นอาจจะทำให้ยากขึ้นมาอีกหน่อย แต่ที่ยากจริงๆคือมี traffic เข้ามาที่ blog มากพอจนจะได้ endorsement นี่สิ ยากแน่ๆ

2. เปิดร้านเสื้อแบบมี theme ไม่ใหญ่โตมาก
จะทำยังไง? - หา theme ในการขายเสื้อที่ไม่เคยเห็นคนทำ (อย่างน้อยก็ในประเทศนี้) ยกตัวอย่างเช่น UTStore ที่ญี่ปุ่นที่ เป็นร้านขายเสื้อที่ให้อารมณ์ร้านสะดวกซื้อบวกกับรถไฟใต้ดิน คือไปเดินเลือกแล้วหยอดเหรียญเพื่อซื้อเสื้อตามแบบจากตู้อัตโนมัติในร้านได้เลย
เป็นไปได้มากแค่ไหน? - 7/10 Theme ในหัวก็พอมีอยู่บ้าง เรื่อง supplier และการผลิตก็พอจะมีที่พึ่งอยู่ ที่ยากจริงๆคงเป็นเรื่องทำเล และก็ต้นทุนละมั้ง

3. เป็นครูบาอาจารย์
จะทำยังไง? - อยากเป็นคนที่ให้ความรู้คนอื่นได้ แต่อยากเน้นการสอนแบบสอนให้รู้จักคิด ให้รู้จักการหาข้อมูล หัดพัฒนาความรู้ด้วยตัวเอง และจะพยายามเป็นที่ปรึกษาด้านความคิดของเด็กนักเรียนด้วย
เป็นไปได้มากแค่ไหน? - 6.5/10 อยากเป็นอาจารย์สอนระดับชั้นมัธยมหรือมหาวิทยาลัย แต่จะสอนมหา'ลัยได้คงต้องจบปริญญาโทก่อน ดังนั้นที่พอจะเป็นไปได้คือระดับมัธยม ไม่รู้เหมือนกันว่าการจะเข้าไปเป็นครูหรืออาจารย์นั้นมันยากแค่ไหน แต่อยากทำจริงๆนะ

4. ไปเที่ยวต่างประเทศ
จะทำยังไง? - เหนื่อยหน่ายกับวิวทิวทัศน์เดิมๆในประเทศ อยากไปสิงคโปร์อีกแล้ว ทั้งๆที่ไปมาหลายทีแล้วก็ยังอยากไป คงเพราะไปง่าย ถูก และสะดวกเรื่องที่พัก แต่ก็อยากไปที่อื่นๆด้วยเหมือนกัน (ตอนนี้อยากไปนิวยอร์คนะ แปลกใจตัวเองเหมือนกัน)
เป็นไปได้มากแค่ไหน? - 9.5/10 สำหรับสิงคโปร์ : 5/10 สำหรับนิวยอร์ค

5. เริ่มทำทุกอย่างที่บอกไว้ข้างบน
จะทำยังไง? - เนื่องจากติดภารกิจทั้งงานและเรียนอยู่อาจจะดูเป็นไปไม่ได้ที่จะทำทุกอย่าง แต่ถ้าตัดอะไรสักอย่างออกไปได้ละก็ .... หึๆๆ
เป็นไปได้มากแค่ไหน? - ไม่รู้จริงจริ๊งงงงง

Note:
- เขียนเสร็จแล้วมาย้อนดูก็รู้สึกว่ามีคำว่า theme เยอะจัง
- เรื่องเขียน blog กลุ่มนั้นอยากทำจริงๆนะ ใครมีไอเดีย ใครอยากทำ ลองบอกมาได้