Menu

Showing posts with label Animal. Show all posts
Showing posts with label Animal. Show all posts

Thursday, October 15, 2009

HOME - Blog Action Day 2009


เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมานี้มีหนังสารคดีที่เปิดฉายพร้อมกัน 181 ประเทศทั่วโลก เป็นสถิติการเปิดตัวหนังที่เข้าฉายพร้อมกันมากที่สุดในโลก สารคดีเรื่องนั้นชื่อว่า 'Home'

Home เป็นสารคดีที่ถ่ายภูมิประเทศต่างๆทั่วโลกจากมุมสูงพร้อมการบรรยายประกอบเกี่ยวกับระบบนิเวศของโลก และผลกระทบที่มนุษย์สร้างให้กับระบบที่สมดุลนั้น ไม่ว่าเป็นผลจากการทำกสิกรรมที่ทำให้วงจรน้ำเสียไป การค้นพบน้ำมัน(ในสารคดีใช้คำเรียกน้ำมันที่ผมชอบมากๆว่า 'pocket of sunlight')ที่ทำให้เกิดการเผาไหม้ในเชิงอุตสาหกรรมหนัก ส่งผลให้เกิดความไม่เสมอภาคทางการเกษตรระหว่างเกษตรกรที่ใช้แรงงานกับเครื่องจักร การทำปศุสัตว์แบบใหญ่มหาศาลที่ต้องใช้ทรัพยากรอาหารราว 50% ของผลผลิตอาหารทั่วโลก (เยอะอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่มีผู้คนอดอยากในโลกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ) มีภาพของเรือเดินสมุทรที่ทุกวันนี้สามารถแล่นผ่านน้ำแข็งขั้วโลกที่แตกเป็นชิ้นเล็กๆน้อยๆเพราะภาวะโลกร้อน และความเสี่ยงที่น้ำแข็งที่กรีนแลนด์และไซบีเรียละลายจะทำให้ก๊าซมีเทนใต้น้ำแข็งเหล่านั้นถูกปล่อยออกมา ส่งผลหนักหนากว่าคาร์บอน 20 เท่า

ความพิเศษของหนังสารคดีเรื่องนี้คือการที่ผู้ผลิตหนังเลือกที่จะเผยแพร่หนังภายใต้ข้อตกลงของ Creative Commons หรือการไม่มีลิขสิทธิ์แบบเต็มรูปแบบ เพราะต้องการให้หนังเรื่องนี้ได้รับการเผยแพร่ออกไปมากที่สุด ทุกคนสามารถดาวน์โหลด อัพโหลด ไรท์ใส่ดีวีดีแล้วส่งต่อให้เพื่อน เอาไปเปิดฉายตามที่สาธารณะได้เต็มที่ เพราะสาระของมันคือการที่ให้คนหมู่มากได้รับรู้ถึงปัญหาที่ใหญ่หลวงมากกว่าปัญหาผลประโยชน์จากลิขสิทธิ์ (ผมซื้อแผ่นแม่สายมาดู)

ผมดูสารคดีเรื่องนี้จบด้วยความอึ้งมากกว่าดู Inconvenient Truth มากๆ รู้สึกว่าตัวเราเล็กนิดเดียวแต่กลับสร้างปัญหาที่ใหญ่ขนาดที่เชื่อว่าคงไม่มีทางฟื้นฟูกลับสู่สภาพแต่ก่อนได้อีกแล้ว

แต่ความดีของ Home ที่ Inconvenient Truth ไม่มีคือคำตอบในตอนท้ายให้เราได้รู้ว่ายังมีความหวังและควรทำอย่างไรให้เราสามารถอยู่บนโลกนี้ต่อไปได้แบบไม่เดือดร้อนธรรมชาติ

ก็ขอให้หามาดูกัน จะได้รู้ว่าเรื่อง Climate Change ที่เป็นประเด็นที่ชาวบล็อกทั่วโลกจะเขียนกันในวันนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย

Link:
http://en.wikipedia.org/wiki/Home_%282009_film%29
http://www.youtube.com/user/homeproject <--- แนะนำให้เริ่มดูจากที่นี่

Thursday, January 10, 2008

Monkey Business


[image by wufgaeng against censorship @ flickr]


คำว่า Monkey Business จริงๆแล้วแปลว่าการกระทำที่ซุกซน หรือมีเลศนัย
แต่คราวนี้จะพูดถึง Monkey Business ที่เป็นความหมายแบบตรงตัวเลย
นั่นก็คือเรื่องของธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ในสังคมของพวกลิง
แถมยังเป็นธุรกิจเรื่อง sex อีกต่างหาก

Michael D. Gumert (PhD.) ได้ตีพิมพ์งานวิจัยของเขา และกลายเป็นหัวข้อใน Time.com
เขาเฝ้าสังเกตฝูงลิงที่อินโดนีเซียราว 50 ตัวอยู่ 20 กว่าเดือน และพบรูปแบบพฤติกรรมของลิงพวกนี้

เขาบอกว่าลิงตัวผู้จะต้องมีของมาแลกเปลี่ยนกับตัวเมียในการที่จะมี sex ด้วย (ร่วมผสมพันธุ์นั่นแหละ)
ของที่เอามาแลกก็คือการหาเห็บหมัดบนตัวตัวเมียให้ และต้องทำให้ก่อนที่จะเริ่มผสมพันธุ์กัน
ตัวเมียที่ได้รับการบริการจากตัวผู้ก็จะตอบแทนคืนด้วยการยอมให้ตัวผู้มี sex ด้วยในอัตราที่เพิ่มขึ้น 1.5-3.5 เท่า
นี่มันก็คือรูปแบบของ service barter ดีๆนี่เอง แถมเป็นในเรื่องที่คนคุ้นเคยอย่างดี

ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือจำนวนของลิงในฝูง (supply) จะมีผลต่อระยะเวลาที่ตัวผู้จะจับเห็บให้ (price)
ถ้าในฝูงมีลิงตัวเมียเยอะ ตัวผู้ก็จะไม่ค่อยตั้งใจที่จะหาเห็บให้นัก ทำให้แบบเร็วๆลวกๆ
แต่ถ้าลิงตัวเมียมีน้อย ตัวผู้ก็ต้องหาเห็บให้นานเป็นพิเศษ
แม้แต่ลิงก็ยังใช้หลักเศรษฐศาสตร์ Demand-Supply แบบเดียวกับคนอย่างเราๆเหมือนกัน

พฤติกรรมของคนก็ไม่ได้ต่างไปจากลิงพวกนี้ด้วยเช่นกัน
ถ้าหากคนคนนึงมีคนรักแค่คนเดียว เค้าก็จะดูแลคนรักคนนั้นเป็นพิเศษ - ไม่ว่าเพื่อหวังผลอะไรก็ตาม
แต่ถ้าเกิดมีกิ๊กเยอะ ก็จะไม่ค่อยมาดูแลใส่ใจแต่ละคนเป็นพิเศษนัก
เพราะโอกาสที่เค้าจะได้ x (เติม action ลงไปเอง) นั้นมีมากขึ้น จึงไม่เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องไปหาเห็บให้ใคร

จากการวิจัยนี้ทำให้สรุป(เอาเอง)ได้ว่า คนนั้นน่าจะมีการพัฒนาหรือวิวัฒนาการจากลิง
โดยสิ่งที่เราได้รับมานอกจากรูปร่างที่คล้ายคลึงกันแล้ว ก็ยังมีแนวคิดทางด้านเศรษฐศาสตร์
.. และอีกเรื่องหนึ่งก็คือการซื้อ-ขาย sex ด้วยไง