Menu

Sunday, September 16, 2007

Discipline Rules

อ่านหนังสือเกี่ยวกับบุญที่ร้านข้าวมันไก่ใต้ตึกออฟฟิศ
เขาบอกว่าเมื่ออยู่ใกล้บุญเราจะออกห่างจากอบายมุข
เพราะเมื่อเราทำสิ่งดีหรือบุญนั้นแล้ว เราจะรู้สึกอิ่มเอมใจ
ความต้องการจะเข้าหาอบายมุขจะหมดหายไป

เราอ่านแล้วเราเกิดความคิดอีกอย่างขึ้นมาพร้อมกัน
เริ่มจากคำถามว่า "ทำไมคนทำบาปมากกว่าทำบุญ"
ถึงจะไม่ใช่คนเคร่งศาสนา แต่เราเชื่อในหลักการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า
เราเชื่อในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น
เราต่อต้านการกระทำที่เบียดเบียนผู้อื่นเพื่อตนเอง
ซึ่งการคิดอย่างนั้น มันก็สอดคล้องกับเรื่องบุญ-บาปอยู่เหมือนกัน

สำหรับเรา ทำไมคนถึงทำบาปมากกว่าทำบุญน่ะหรอ
เพราะว่าบาป หรือการกระทำเพื่อประโยชน์ของตนเองนั้น มันทำง่ายมาก
จริงๆแล้วมันเริ่มจากการที่เราปล่อยให้อารมณ์นำการกระทำ แต่ไม่ใช้สติ
เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันยั่วยวน ใจเราก็พร้อมที่สั่งการเราลงมือทันที

ส่วนบุญนั้นมันต้องใช้สติทำ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำโดยอารมณ์ชั่ววูบ
การทำบุญหรือทำประโยชน์ให้คนอื่นนั้น มันต้องผ่านการไตร่ตรอง
มันผ่านกระบวนการคิดแล้วว่า เรื่องที่เราจะทำลงไปนั้น มันจะเกิดผลดีต่อสังคม
และบ่อยครั้งที่การจะทำเรื่องดีนั้น มันขัดกับความต้องการของอารมณ์

คำว่าอารมณ์ในทางพุทธนั้น คงเปรียบได้กับคำว่ากิเลศ : รัก - โลภ - โกรธ - หลง
สิ่งเหล่านี้พร้อมจะชักนำให้เราเขวไปทำเรื่องขาดสติได้ง่ายๆ
ความรู้สึก 4 อย่างนี้ เกิดจากคำว่า "อยาก" โดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง โดยไม่ใช้สติ

แล้วทำไมเวลาทำบุญหรือเรื่องมีคุณค่าใดๆแล้วถึงอิ่มเอมใจ
นั่นเป็นเพราะว่าเราได้รู้จักใช้สติระงับความอยาก
ความอิ่มเอมใจนั้นมันเป็นความรู้สึกของชัยชนะที่ยากลำบาก
คือการที่ตัวเราชนะความอยากสำเร็จ

ถ้าอย่างนั้นทำยังไงเราถึงจะมีสติได้ตลอดเวลา
แน่นอนว่ามันต้องใช้การฝึกในตนเอง และเราต้องมี "วินัย"
ไม่ใช่ระเบียบวินัยอย่างทหาร แต่เป็นวินัยในการใช้ชีวิต
หากเรามีชีวิตที่มีเป้าหมาย และมีแนวทางที่เราต้องการ
วินัยคือสิ่งที่จะคอยระวังไม่ให้เราเถลไถลออกไปนอกทางนั้น

อย่างที่บอกไปว่าการที่เราจะตามใจอารมณ์นั้นมันง่ายมาก
ดังนั้นเราต้องพยายามอย่างสูงที่จะฝืนความต้องการของตนเอง
ลองนึกตัวอย่างของคนที่จะเลิกเหล้า หรือง่ายกว่านั้นคืองดเหล้าช่วงเข้าพรรษา
การดื่มเหล้าเห็นได้ชัดว่าเป็นการสนองความต้องการของอารมณ์
ตัวเราก็รู้ดีอยู่แล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ต่อตนเองหรือใคร (ยกเว้นคนขายเหล้า)
หากเป็นคนที่เคยดื่มจะรู้ว่า การงดเหล้าในบรรยากาศหรือสถานที่ที่เคยดื่มมาตลอด มันยากแค่ไหน
แต่หากเราทำได้สำเร็จ ความรู้สึกที่ทรมานผ่านพ้นไปกลับกลายเป็นความโล่งใจ

หรือง่ายขึ้นอีกนิด เวลามีใครทำเรื่องที่ชวนให้โมโห
มันง่ายแค่ไหนที่เราจะโกรธ หากสติไม่อยู่กับเรา เราก็คงต้องมีเรื่องเบาะแว้ง
แต่หากสติอยู่กับเรา เราจะรู้ทันทีว่า การให้อภัยต่างหาก เป็นทางออกที่ดีที่สุด

ง่ายขึ้นไปอีก เวลาที่เราอยากได้อะไรมากๆอย่างไม่มีเหตุผล
ง่ายที่สุดที่เราจะทำได้คือซื้อหรือหาทางครอบครองมันทันที
แต่เวลาที่เราอดใจเอาไว้ได้ และกลับมาไตร่ตรองดูความต้องการ
เราจะเห็นว่าแท้จริงนั้น สิ่งที่เราต้องการนั้นจำเป็นแค่ไหน

เราอาจจะมีสติในบางเรื่อง และขาดสติในอีกหลายเรื่อง
สิ่งที่จะประคองไม่ให้สติเราหายไปไหนนั่นก็คือวินัยนั่นเอง

7 comments:

  1. การฝึกหัดมีวินัยในการใช้สติก่อนทำอะไรอย่างที่พี่เลิกว่า มันเป็นการสวนกระแสชิวิตของเราเลย คนเราเคยชินที่จะทำตามความอยาก มีคนเปรียบเทียบไว้ว่า ใจคนมันมีธรรมชาติจะไหลลงที่ต่ำได้ง่ายอยู่แล้ว แทบไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ปล่อยใจไป ใจมันก็ไหลลงไปกองอยู่ต่ำๆแล้ว(ไม่ทั้งหมดแต่ก็ส่วนมาก)ดังนั้นคนเราเลยอยู่อย่างเบียดเบียนได้ง่ายกว่าอยู่อย่างไม่เบียดเบียน เช่นที่พี่เลิกบอก

    สิ่งที่พี่เลิกบอกว่าเราต้องหัดคือการสร้างวินัยที่จะมีสติอยู่เสมอ สติแปลว่าความระลึกได้ การหัดมีสติก็คือกรหมั่นดูความคิดและความรู้สึกของตัวเองอยู่เสมอ ระลึกให้เห็นความคิดและอารมณ์ของเราแยกออกมาจากตัวเรา มันเป็นอีกอย่างหนึ่งที่เรารู้เห็นได้ ถ้าเห็นมันแยกๆออกมาได้แบบนี้เราก็จัดการมันได้ไม่โดนมันครอบงำ ทำให้มันเป็นสิ่งที่เรา"เห็น"ไม่ได้เป็นสิ่งที่เรา"เป็น" ถ้าทำได้แบบนี้เราก็จะสามารถตัดสินความคิดและอารมณ์อย่างเป็นกลางได้ว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไร และควรจะปฏิบัติกับมันอย่างไร...

    หลังจากนั้นก็ทำบ่อยๆมันก็จะชิน ได้บ้างเสียบ้างก็เป็นเรื่องปกติ มันสวนกระแสอยู่ มันเหนื่อยแต่ควรทำ...

    ReplyDelete
  2. เพิ่มเติม:
    มักจะมีคนถามว่าทำไมรักถึงเป็นกิเลศ
    ความรักจริงๆแล้วเป็นเรื่องดี แต่จะดีต่อเมื่อมาพร้อมกับสติ ที่น่ากลัวคือความรักมักจะเป็นอารมณ์ที่ทำให้ขาดสติได้ง่ายมาก และเมื่อรักขาดสติแล้ว สิ่งที่จะตามมาก็คือของที่เราเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์จนชินตา

    Note:
    จริงๆหัวข้อนี้อยากเขียนยาวมาก แต่กลัวไม่มีคนอ่านเลยต้องขอตัดจบ

    ReplyDelete
  3. คุณวินัย พันธุรักษ์ นั่นเอง

    ReplyDelete
  4. พยายามมีสติในทุกเรื่อง แต่มักทำไม่ได้กับการยับยั้ง อารมณ์หงุดหงิด อารมณ์โกรธ โมโห (ยิ่งเวลาหิว ยิ่งแล้วใหญ่ แหะๆ)

    อยากทำได้ ต้องใช้วินัยแบบไหนคะ

    ReplyDelete
  5. คุณ redbaron: ผมรอมุข วินัย ไกรบุตร อยู่ .. แต่อันนี้ก็ดีเท่าเทียมกัน

    คุณ pattaranee: เวลาเกิดอารมณ์อะไรขึ้นมา ผมจะมโนภาพมันเป็นก้อนที่กินเนื้อที่ในใจ ยิ่งอารมณ์รุนแรงก้อนนี้ก็จะยิ่งใหญ่กินเนื้อที่ในใจ ทำให้เราอึดอัด ... วิธีแก้ก็คือ ถ้าอารมณ์เรากินเนื้อที่ใจมาก ผมจะพยายามนึกภาพว่าใจตัวเองใหญ่ขึ้น อารมณ์นั้นก็จะไม่ทำให้ตัวเองอึดอัด

    คงมีแต่ผมที่คิดแบบนี้มั้ง

    ReplyDelete
  6. ตอนที่อ่านบล็อกคิดไว้แล้วว่าจะเขียนอะไร

    พอมาอ่านคอมเม้นท์ก็ลืมไปเลย

    ...

    ขอไปตั้งสติ

    และไปฝึกวินัย ไกรบุตรก่อน

    (เห็นรออยู่ เลยจาดห้ายคร้าบบบ)

    ReplyDelete
  7. ความชั่วมันทำง่าย (เพราะทำอยู่บ่อยๆ)

    ความดีก็ทำง่าย (แต่ไม่ค่อยจะทำ)

    .
    .
    .

    จะทำชั่วให้น้อยลง ... จะพยายาม

    แบบว่าอยากเป็นคนดี

    ReplyDelete