Menu

Monday, March 10, 2008

A Healthy Dose of Bad-ness


[image by: emaghrabi @ deviantART]

(ต่อจากตอนที่แล้ว)

"อะไรก็ตามที่ทำแล้วรู้สึกดี ให้สงสัยไว้ก่อนว่ามันไม่ใช่เรื่องดี"

เราไปพบเห็นได้ยินแนวคิดแบบนี้จากหลายแหล่งและหลายสถานการณ์มาก
โดยรวมๆเราเลยสรุปขึ้นมาเป็นประโยคแบบที่เห็นนี้
เพราะว่าเรื่องที่ทำแล้วรู้สึกดีมันเป็นเพราะสนองความต้องการของเรา
ซึ่งธรรมชาติของความต้องการของเรามักจะไม่ส่งผลดีต่ออย่างอื่นนอกจากใจเราเอง

ตัวอย่างใกล้ตัวคืออาหาร ของที่อร่อยมักจะไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ของทอด ของมันๆ ของครีมๆ ของรสจัด ขนมหวานต่างๆนาๆ
เรียนกันมาตลอดว่ามันไม่ดี แต่ก็ยังกินกัน เพราะมันอร่อย
เมื่อได้รสอร่อยนั้นก็เกิดความพึงพอใจ แต่มันก็เป็นแค่ความพอใจกลวงๆ
พออิ่มเราก็ไม่อยากกินอีก และมาเสียใจเมื่อน้ำหนักขึ้นหรือสุขภาพแย่ลง

ข้าวของหลายอย่างก็เหมือนกัน ทำให้เราพยายามหาทางครอบครอง
บางคนเก็บเงิน บางคนหาทางขอเงิน บางคนก็ไปแย่งชิงเงินหรือของมาจากคนอื่น
สุดท้ายเมื่อได้มาก็เกิดความพอใจ แต่มันเป็นความพอใจแบบกลวงๆเหมือนกัน
พอได้มาก็ดีใจ แต่นานไปก็รู้สึกเฉยชา หันไปอยากได้อย่างอื่นแทน
ที่เหลือก็คือของที่ไม่ได้มีค่าอย่างที่คิดไว้ตอนแรก กับปัญหาที่ไปก่อเอาไว้เพื่อให้ได้มา

ที่เยอะมากๆก็คือของที่คนเรียกกันว่าความรัก
เห็นมาเยอะแล้วคนที่บอกว่ารักใครสักคนจริงๆ บอกว่ารักทำให้รู้สึกดี
ถ้ารักแล้วรู้สึกดีทำไมถึงเสียใจที่ไม่ได้รักหรือผิดหวังในรัก
คนที่เสียใจเพราะรักคือคนที่รักตัวเองที่กำลังหลงใหลคนอื่น
เราไม่ได้รักคนนั้น แต่รู้สึกพอใจในความอารมณ์รักของตัวเอง
รักโดยที่เอาความรู้สึกและสภาวะของตัวเองเป็นหลัก
ถึงสุดท้ายจะสมหวังในรัก เมื่อตัวเองออกจากอารมณ์นั้น ความรักที่คิดว่าเคยมีก็หายไป


มันมีอีกทฤษฎีที่ได้มาจากตรรกะความคิดข้างต้น
"ของที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีนั้นมีประโยชน์"

กินผักรสขมๆ
อย่าลืมกินวิตามินทุกเช้า
ประหยัด อดออม
ตั้งใจทำงาน
อดทน
เปิดใจ
ให้น้ำใจ
ให้อภัย

ของพวกนี้ทำยากและไม่น่าทำอย่างยิ่ง
บางอย่างจำเป็นจะต้องขืนใจตัวเองที่จะทำ

... แต่มันก็มีประโยชน์ที่จะทำ


Note:
- รูปข้างบนเป็นรูปวาดนะ

3 comments: