Friday, October 26, 2007
Thin Layer of Music
[image by: mach5 @ deviantART]
ซีดี หรือ Compact Disc แผ่นแรกที่เรารู้จักเป็นของ แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ จะว่าไปก็คงเคยเห็นเคยฟังแผ่นอื่นมาก่อน แต่แผ่นแรกที่ทำให้เรารู้จักซีดีจริงๆก็คือแผ่นนี้ มันเป็นแผ่นของแม่ที่มีเพลงที่เราชอบอยู่เพลงนึง (จำชื่อเพลงไม่ได้แล้ว)
จากเด็กที่เคยรู้จักแต่คาสเซ็ทเทปมา เรารู้สึกตื่นเต้นกับการฟังเพลงจากซีดีมากๆ เราชอบซีดีเพราะมันดูสวยและมีค่า ชอบเพราะคนเค้าพูดกันว่ามันเก็บได้นาน และชอบที่สุดเลยตรงที่มันเลือกเล่นเพลงที่เราอยากฟังได้เลย และจะฟังแค่เพลงเดียวก็ได้ จากที่แต่ก่อนอยากฟังเพลงไหนก็ต้องคอยกรอเอาด้วยเครื่องเล่นบ้าง และบ่อยครั้งด้วยปากกาเพราะที่บ้านกลัวเครื่องเล่นเทปเสีย (คิดว่าการที่คนฟังต้องกรอเป็นสาเหตุที่เพลงดังต้องอยู่ต้นม้วนในสมัยก่อน) แต่พอรู้ว่าเลือกเพลงที่อยากฟังจากซีดีได้ทันที เราก็ฟังเพลงของแจ้ไปบ่อยเท่าที่เราจะอยากฟัง
พอขึ้นมัธยมเราเริ่มเล่นดนตรีและหาซื้อเพลงมาฟังมากขึ้น ซื้อเทปเยอะมาก ประมาณสัปดาห์ละ 5 ม้วนได้เลย บางทีก็จำไม่ได้ว่าซื้ออะไรมา หรืออัลบั้มไหนของใครเพลงไหนเพราะ ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการทำเทปเพลงรวม (mixtape) เรื่อยๆ ชอบเพลงไหนของใครจดไว้ก่อนเพื่อเอามาอัดรวมกันอีกที พร้อมๆกับลืมความสะดวกของซีดีไปเลย
จนกระทั่งเราไปฟังเพลงของวง Weezer และชอบเข้าจังๆ แต่ว่าตอนนั้นไม่มีใครผลิตเทปวงนี้ออกมาขาย แต่มีซีดีขายอยู่ที่ร้าน Quark สยามสแควร์ เราชอบมากๆเลยต้องขอให้พี่สาวพาไปซื้อให้ (ไม่มีตังค์) และนั่นก็คือซีดีแผ่นแรกในชีวิตของเรา
แต่หลังจากนั้นก็ยังซื้อเทปอยู่ต่อไปนะ เพราะมันถูกกว่าเยอะ สมัยนั้นเทปเพลงสากลราคาม้วนละ 89 ซีดีแผ่นละ 500 เด็กมัธยมงบน้อยก็ต้องซื้อเทปอยู่แล้ว แต่ก็เก็บเงินไปซื้อซีดีแผ่นที่สองและสามในชีวิตจนได้ (2 อัลบั้มก่อนที่จะดังพลุแตกของ Green Day) แล้วเราก็เลยมีซีดีอยู่เท่านี้ไปราวๆหนึ่งปีเต็ม
จนเราได้ไปใช้เวลาอยู่ที่อังกฤษราวๆ 3 เดือน มันเหมือนได้เข้าสู่โลกของการฟังเพลงจริงๆ เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เราไปถึงเป็นวันเดียวกับที่วงโปรดของเราออกอัลบั้มใหม่ เราก็เลยซื้อไปประเดิมซะ ช่วงที่อยู่ที่นั่นเราได้รู้จักเพลงและวงใหม่ๆทั้งจากวิทยุและแม็กกาซีน (แม็กกาซีนที่นั่นเค้าแจกเทปด้วย เลยซื้ออยู่บ้าง) และไม่ไกลจากบ้านมีร้านซีดีอยู่ เราก็ไปสมัครสมาชิกไว้อย่างดิบดีพร้อมกับแวะเข้าไปทุกวี่วัน เจอเพลงไหนน่าชอบนิดหน่อยหรือน่าสนเป็นต้องซื้อ และจะซื้อซีดีซิงเกิ้ลเยอะมากเพราะความถูกและน่าเก็บสะสม (แผ่นละ 1-2 ปอนด์) ตอนกลับเมืองไทยเรามีซีดีกลับมาด้วย 50-60 กว่าแผ่น (ด้วยเงิน 80% ของที่เอาไปทั้งหมด) พ่อกับแม่ก็บ่นๆเพราะไม่ซื้ออะไรเป็นชิ้นเป็นอันอย่างอื่นเลย
แต่ว่าพอกลับมาเมืองไทยก็ไม่ค่อยได้ซื้อเพิ่มอีกเลย ทั้งซีดีและเทป ครึ่งนึงเพราะไม่ชอบเพลงช่วงนั้นด้วย แถมราคายังขึ้นอีก (เทป 119 ซีดี 550) กว่าจะมาซื้ออีกทีก็ตอนที่ค่ายต่างๆปรับราคาลง และเราก็ไปทำค่ายเพลงเล็กๆกับเพื่อน ตอนนั้นก็ถือว่าซื้อเอาไว้เป็น reference ยังไงก็คงมีประโยชน์ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ค่อยได้ใช้ เหมือนซื้อสนองความอยากตัวเองมากกว่า ซักพักก็ติดเป็นนิสัยไปร้านซีดี ซื้อเยอะขึ้นๆ เดือนนึงเกินสิบแผ่นก็มี ถึงขนาดบางแผ่นจนวันนี้ยังไม่ได้ฟังเลยด้วยซ้ำ
ไอ้การที่ซื้อซีดีเยอะเข้าๆเราก็เริ่มรู้สึกว่ามันเป็นของสะสมของเรานะ เป็นของที่เวลาไปเที่ยวต่างประเทศจะต้องซื้อกลับมาด้วยเสมอ และพอได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับเพลงและตัวซีดีเราก็เริ่มเลือกซื้อแผ่นที่หน้าปกถูกใจแทนที่จะเลือกจากเพลง แถมยังซื้อหนังสือรวมแบบปกซีดีต่างๆด้วย
กลับมาย้อนนึกดูที่มีคนบอกว่าทำไมเราไม่ค่อยซื้อของเป็นชิ้นเป็นอัน เรากลับคิดว่านี่แหละคือของที่เป็นชิ้นเป็นอันที่สุดแล้วในชีวิต เพราะมันหล่อหลอมความคิด ทัศนคติ และแสดงตัวตนของเราอย่างที่เราเป็นทุกวันนี้ และถ้าหากว่าเงินที่เราเสียไปมันสร้างความเป็นตัวเราขึ้นมาได้ นั่นก็คงไม่ถึงกับเสียเปล่าหรอกมั้ง
Note:
- จริงๆแล้วตั้งใจจะพูดถึงเรื่องนี้เพื่อจะโยงถึงเรื่องพฤติกรรมการซื้อสิ่งบันเทิงของคนสมัยนี้ทีหลัง (ให้วันนี้เป็น preface ไปก่อน)
- ร้าน Quark อยู่ที่สยามสแควร์ซอย3(ถ้าจำไม่ผิด) ก่อนที่จะปิดตัวลง ที่ชั้นบนสุดของร้านเป็นโซนขายซีดีเพลงสากลที่เยอะมาก (สำหรับยุคนั้น) และจะมีแผ่น import แปลกๆด้วย
- เราชอบไปหาซื้อซีดีจากร้านมือสองมากๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาถูก แต่ที่สำคัญคือความรู้สึกเวลาเจอแผ่นที่ชอบหรือกำลังตามหาอยู่ มันเหมือนกับว่าเราได้เจอของมีค่าที่คนอื่นมองข้ามไป
- เราเคยได้ทำปกซีดีเองตั้งแต่ต้นจนจบด้วยนะ ว่างๆจะเอามาลงให้ดู (ไม่สวยมาก แต่ภูมิใจจัง)
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
(อาจจะไม่เกี่ยวกับหัวข้อโดยตรง)
ReplyDeleteช่วงนี้เหมือนชีวิตกลับไปวนเวียนกับเทปและอะไรเก่าๆ
อย่างเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
พี่เต็ดขนวิดีโอเทปมาจากบ้านราวๆ 300-500 ม้วน
ทุกคนกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เพราะหนังดีๆ เยอะมาก
แต่ก็แอบเสียใจนิดๆ เพราะไม่มีเครื่องเล่นที่บ้าน
ส่วนเมื่อวันเสาร์ก็ค้นเทปเก่าๆ มาเปิดฟัง
ได้อารมณ์จริงๆ
พูดถึงเรื่องซื้อ CD จริงๆตอนนี้อยู่ที่ประเทศที่มี CD แปลกๆหลายหลายดี อยากซื้อบ่อยๆเหมือนกันนะ
ReplyDelete